1.
ความพร้อมของสถานที่
การเลี้ยงสุนัขต้องมีสถานที่หรือบริเวณสำหรับให้สุนัขวิ่งเล่นออกกำลังกาย
บ้าง อย่าปล่อยให้สุนัขอยู่ในที่แคบ สิ่งแวดล้อมไม่ดี
มันจะรู้สึกซึมและส่งเสียงคราง อุปนิสัยผิดไป
ดังนั้นผู้เลี้ยงสุนัขควรคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสถานที่ให้พอเหมาะกับสุนัข
ด้วย
2. ความพร้อมของผู้เลี้ยง
ผู้เลี้ยงควรสำรวจตัวเองเสียก่อนกว่า ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไร
และมีเวลาให้กับสุนัขหรือไม่ เช่น
ถ้าสถานที่แคบไม่มีบริเวณที่จะปล่อยให้สุนัขวิ่งเล่น
แต่อยากจะเลี้ยงสุนัขมากจึงขังกรงเอาไว้ ก็จะไม่ได้อะไรขึ้นมา
ผู้เลี้ยงจะได้รับเพียงเสียงเห่าที่หนวกหูเท่านั้น
ผู้เลี้ยงต้อยมีเวลาพามันออกกำลังวิ่งเล่นบ้าง
คอยฝึกสอนบางสิ่งบางอย่างที่เป็นพื้นฐานต่าง ๆ ให้สุนัข
จะทำให้สุนัขที่เลี้ยงมีคุณค่ามากขึ้น เช่นการนั่งคอย การไหว้
ไม่ขโมยอาหารและกินมูมมาม
3. ความรัก การเลี้ยงดูสุนัขต้องมีความรัก
ความจริงใจและเสมอต้นเสมอปลายด้วย
เพราะบางคนนำสุนัขมาเลี้ยงขณะที่ยังเป็นลูกสุนัข มีความน่ารักขนปุกปุย
ขี้เล่น แต่พอสุนัขโตขึ้นความน่ารักดังกล่าวก็จะค่อย ๆ หายไป
นิสัยใจคอเปลี่ยนไป รูปร่างขนที่ปุกปุยก็จะหยาบ ขายาว ตัวโตขึ้น
หมดความน่ารักลง ทำให้ไม่อยากเอาใจใส่และไม่เล่นกับมัน
แต่สุนัขไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนี้ยังคงทำในสิ่งที่เคยทำ เช่น
อยากจะให้อุ้ม แล้วตะกุยตะกายให้อุ้ม
แต่เรามักไม่เข้าใจก็ทำโทษมันด้วยความโมโหและรำคาญที่ถูกเล็บข่วนเป็นเป็น
แผล หรือทำให้เสื้อผ้าสกปรก จึงทำโทษด้วยการดุหรือเฆี่ยนตี
ทำให้สุนัขเข็ดกลัวไม่อยากเข้าใกล้ หรือคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ
ทำให้สุนัขที่เคยน่ารักหมดคุณค่าไป
4. ความเอาใจใส่ในชีวิตประจำวัน
เมื่อสุนัขเกิดอาการไม่สบาย มันไม่สามารถบอกเล่าอาการต่าง ๆ ได้เหมือนคน
จึงต้อยคอยสังเกต เอาใจใส่ในชีวิตประจำวัน
เพื่อให้สุนัขมีความเป็นอยู่ที่ดี
นอกเหนือไปจากการให้อาหารและน้ำดื่มที่สะอาดแล้ว
ต้องคอยสังเกตว่าสุนัขมีสุขภาพอย่างไร ในเรื่องของการขับถ่าย
ท้องเสียหรือไม่ มีกิริยาท่าทางร่าเริงหรือหงอย ซึม ไม่สบาย มีแปล
มีเห็บหมัดรบกวนหรือไม่ หากพบสิ่งผิดปกติต้องรีบช่วยเหลือทันที
|